.png)
เนื้องอก/ซีสต์/มะเร็ง

ทางเลือก เพื่อเพิ่มทางรอด
มะเร็งทุกระยะฟื้นฟูตรงจุด
ลูกค้าที่เราดูแลแชร์ประสบการณ์
คุณนิภา บุญอ้อม เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เข้าห้องน้ำแล้วถ่ายเป็นเลือดสดๆ จึงไปโรงพยาบาล เเพทย์บอกว่าคุณนิภานั้นเป็นมะเร็งลำไส้ระยะที่ 3 ซึ่งต้องตัดลำไส้ แต่คุณนิภาโชคดี ที่เพื่อนแนะนำให้รู้จักผลิตภัณฑ์ และตัดสินใจลองทานเซอร์นิติน เพราะรักษากับหมออาการก็ไม่ได้ทุเลาลง
หลังจากทานผ่านไป 1 วัน อาการปวดท้องนั้นเริ่มดีขึ้น ท้องไม่อืด ขับถ่ายดีขึ้น และเมื่อครบ 20 วันตามกำหนดที่ต้องผ่าตัด แพทย์ตรวจก็ต้องตกใจ เนื่องจากแผลมะเร็งในลำไส้นั้นเหลือนิดเดียว ไม่ต้องผ่าตัดแล้ว คุณนิภานั้นดีใจมากที่ไม่ต้องตัดลำไส้ทิ้ง คุณนิภาได้โอกาสกลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง
คุณโรส มีเนื้องอกที่มดลูก3ก้อน และซีสต์อีก1ก้อนทนทรมานไม่อยากผ่าตัดตัดสินใจทานพอลลิตินก้อนเนื้อและซีสต์รวม4ก้อนไม่มีแล้ว
คุณชุติมา กาอัมพากร ผู้ป่วยโรคเนื้องอกในรังไข่ ก่อนที่จะทราบว่าตัวเองป่วยเป็นอะไรมีอาการปวดท้องมาก จึงได้หาคุณหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ ผลตรวจตอนแรกหมอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะอาหาร แต่พอไปตรวจใหม่พบว่าตัวเองเป็น "เนื้องออกในรังไข่" ขนาดเนื้องอกประมาณ 4 ซม. ตอนแรกรักษาไปตามที่คุณหมอแนะนำ คือรักษาไปตามอาการและในช่วงนั้นคือรู้จักผลิตภัณฑ์เซอร์นิตินอยู่แล้ว จึงศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และไปศึกษาว่าควรทานผลิตภัณฑ์ชนิดใดบ้าง ซึ่งตอนนั้นตัดสินใจทาน 3 ชนิด คือ วีทกราส น้ำตาล ม่วง ทานควบคู่ไปกับการรักษาของคุณหมอ ตอนที่ป่วยเป็นเนื้องอกในรังไข่ตรวจเจอประมาณเดือนมีนาคม พ.ศ. 2559 รักษาควบคู่กัน พอไปตรวจอัลตร้าซาวด์อีกครั้ง เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2559 พบว่า "เนื้องอกที่เป็น 4 ซม. ยุบไปแล้ว" อาการปวดท้องค่อยๆลดลง จากเดิมที่เคยปวดบ่อย ประจำเดือนเริ่มดีขึ้นจากเดิม จนปัจจุบันเป็นปกติ เนื้องอกยุบแล้ว ตรวจอัลตร้าซาวด์ไม่เจอแล้ว ใช้เวลาจนเนื้องอกยุบประมาณ 4 เดือน
ผลลัพธ์จากผู้ทาน (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

















ทำไมผลิตภัณฑ์ของเราช่วยคุณได้
เราไม่ใช่ยาหรือ อาหารเสริม แต่องค์การอนามัยโลกจดทะเบียนเป็นNutraceutical หรือ สารอาหารบำบัด เทียบเท่าเภสัชภัณฑ์หรือยา
หัวเรื่อง 1
เรามีสารประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุที่จำเป็นต่อ ร่างกาย มากกว่า 200 ชนิด
มีกรดอะมิโนที่สำคัญ มากกว่า 50 ชนิด และมีเอนไซม์ที่จำเป็นในการทำงานของร่างกาย
แบ่งเป็น 9 ระบบ มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกันออกไป และมีกรดอะมิโนกลุ่มหนึ่งที่สำคัญ ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ และมีเฉพาะ ทำให้ผู้ที่รับประทานได้รับประโยชน์ในการฟื้นฟู และบำรุงสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว
มีความปลอดภัยสูง และจากการดูแลลงลึกถึงระดับเซลล์ ทำให้ช่วยเสริมสร้างซ่อมแซม และบำบัดโรคในกลุ่ม NCDs ได้เป็นอย่างดี

ผลิตโด ยโรงงานมาตรฐานสากล

เราเป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัทกรามิเน็กซ์ (Graminex)และเอบีเซอร์เนล (AB Cernelle)
ซึ่งขั้นตอนการผลิตทั้งหมดได้ผ่านการรับรองคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9002 และโรงงาน
การ์มิเน็กซ์ได้รับการรับรองเป็นโรงงานผลิต ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้มาตราฐาน GMP ขององค์การอนามัยโลก

หัวเรื่อง 1
รองรับมาตรฐานโดย









รองรับผลงานวิจัย
กว่า 150 ผลงานวิจัยทางการแพทย์ที่ให้การยอมรับ

เนื้องอก/ซีสต์/มะเร็ง

ซีสต์ เนื้องอก บริเวณที่พบช็อกโกแล็ตซีสต์ได้บ่อยคือรังไข่ เนื่องจากบริเวณรังไข่เป็นบริเวณที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง จึงเหมาะแก่การเจริญเติบโต แต่ถ้าเยื่อบุโพรงมดลูกแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูกจะไม่กลายเป็นซีสต์ ทว่าจะกลายเป็นพังผืดหรือก้อนในกล้ามเนื้อมดลูกแทน เพราะกล้ามเนื้อมดลูกค่อนข้างแข็ง และเราเรียกภาวะนี้ว่า"Adenomyosis" ซึ่งผลที่ตามมาคือภาวะปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง ประจำเดือนมามาก และมีบุตรยาก ทั้งนี้ เมื่อเวลาที่ผู้หญิงมีประจำเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกตัวออกมา ถุงน้ำที่ฝังตัวอยู่ก็จะมีเลือดออกด้วย แต่เมื่อเลือดประจำเดือนออกหมดแล้วในเดือนนั้น ร่างกายก็จะดูดน้ำจากถุงกลับมา ทำให้เลือดในถุงเข้มข้นขึ้น หากเลือดค้างอยู่ในถุงน้ำนาน ๆ จะกลายเป็นสีน้ำตาล มีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต จึงเรียกว่า "ถุงน้ำช็อกโกแลต"หรือ "ช็อกโกแลตซีสต์" นั่นเอง นั่นหมายความว่า แต่ละเดือนที่ผ่านไป ถุงน้ำก็จะยิ่งมีเลือดออกเพิ่มขึ้น และขยายใหญ่ขึ้น แต่จะใหญ่เร็วมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนคนนั้นว่า จะดูดน้ำกลับได้เร็วเท่าไหร่ ถ้าร่างกายดูดน้ำกลับได้เร็ว ถุงน้ำนั้นก็จะโตขึ้นแบบช้า ๆ ส่องอาการของโรคช็อกโกแลตซีสต์ คนที่เป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์จะมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังเมื่อมีประจำเดือน และจะปวดมากขึ้นทุก ๆ เดือน โดยจะปวดด้านหน้า ตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกราน ส่วนด้านหลังตั้งแต่บั้นเอวไปถึงก้นกบ อาจปวดจนเป็นลม มีอาการลำไส้แปรปรวน ท้องอืด ท้องเสีย ปวดมากเวลาขับถ่าย ปวดเสียดในท้อง ปวดหลัง ปวดร้าวลงขา ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะบ่อย รวมทั้งมีอาการเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นช็อกโกแลตซีสต์จะมีบุตรยาก เพราะท่อนำไข่ตีบตัน สาเหตุมาจากมีพังผืดรั้งอยู่ ทำให้ท่อนำไข่ไม่สามารถทำงานได้ หากปรารถนาจะมีบุตรต้องรักษาช็อกโกแลตซีสต์ให้หายเสียก่อน
ใครเสี่ยงโรคช็อกโกแลตซีสต์บ้าง ผู้ที่สามารถเป็นช็อกโกแลตซีสต์ได้ คือ ผู้หญิงที่อยู่ในวัยมีประจำเดือน ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว พบได้ไม่เกิน 5% แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่มีความเสี่ยงเป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์มากกว่าคนกลุ่มอื่น คือ
- ผู้ที่มีประจำเดือนมาตั้งแต่อายุน้อย
- ผู้ที่มีประจำเดือนรอบสั้น คือ มีมากกว่าเดือนละ 2 ครั้ง
- ผู้ที่ประจำเดือนออกมามาก หรือนานกว่า 7 วัน
- ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้ โดยเฉพาะทางมารดา พี่สาว น้องสาว หากเคยเป็นโรคนี้ จะมีเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป 3-10 เท่า
- ผู้ที่มีความผิดปกติของทางออกประจำเดือน เช่น ผู้ป่วยที่มีปัญหาเยื่อพรหมจารีเปิด จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นช็อกโกแลตซีสต์หรือไม่ หลายคนไม่สามารถแยกแยะออกว่า การปวดท้องนั้นเป็นการปวดท้องประจำเดือนปกติ หรือปวดเพราะเป็นช็อกโกแลตซีสต์ แต่เราสามารถแยกได้โดยโรคนี้มักพบมากในผู้หญิงที่มีอายุ 30-40 ปีขึ้นไป หรือวัยก่อนหมดประจำเดือน
***หากปกติไม่เคยปวดท้องประจำเดือนมาก่อน แต่พออายุ 30 ปีขึ้นไปแล้วกลับมีอาการปวดท้องมากขึ้นเรื่อย ๆ และปวดมากขึ้นทุกเดือน ถึงขนาดต้องหยุดเรียน หยุดงาน ให้สงสัยว่า คุณอาจเป็นช็อกโกแลตซีสต์ ควรจะไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูให้แน่ใจ อย่างไรก็ตาม บางคนอาจไม่มีอาการปวดเลย ยกเว้นเมื่อขนาดของซีสต์โตมาก ๆ แล้วไปกดอวัยวะข้างเคียง หรือแตกออกมา ซึ่งซีสต์มีโอกาสกลายเป็นมะเร็งได้ราว ๆ 0.3-0.7%
วิธีการตรวจหาช็อกโกแลตซีสต์ เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์จะทำการตรวจภายใน เพื่อคลำหาก้อน หรืออาจจะตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือการทำอัลตราซาวด์ เพื่อหาถุงน้ำในรังไข่ แต่บางครั้งก้อนมีขนาดเล็กมา มองไม่เห็น จึงต้องใช้วิธีส่องกล้องเข้าไปในช่องท้อง โดยเปิดแผลเล็ก ๆ บริเวณใต้สะดือแล้วสอดกล้องขนาดประมาณ 5 มิลลิเมตร-1 เซนติเมตรลงไป เพื่อตรวจวินิจฉัยว่ามีก้อนงอกบริเวณมดลูก ปีกมดลูก รังไข่ ลำไส้ หรือไม่ ซึ่งวิธีนี้เป็นการตรวจที่แน่นอนที่สุด
วิธีไหนรักษาโรคช็อกโกซีสต์
1.การใช้ยา หากถุงน้ำที่พบเป็นถุงน้ำขนาดเล็ก แพทย์จะให้ยารักษา โดยอาจจะให้ทานยา หรือฉีดยาเพื่อลดขนาดซีสต์ ซึ่งยาที่ใช้ก็มีทั้งกลุ่มที่มีฮอร์โมน และไม่มีฮอร์โมน อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงของการใช้ยาก็คือ อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
2.การผ่าตัด ในกรณีที่ใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือถุงน้ำใหญ่มากจนเกิดอาการปวดรุนแรง หรือไปกดอวัยวะข้างเคียง ส่งผลไปถึงส่วนอื่น ๆ แพทย์จะพิจารณาใช้วิธีผ่าตัดเพื่อรักษาต่อไป โดยการผ่าตัดอาจตัดเฉพาะตำแหน่งของโรค หรือสลายพังผืดออก ด้วยวิธีการผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางหน้าท้อง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เคยเป็นช็อกโกแลตซีสต์ และผ่าตัดออกไปแล้ว ยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ กรณีที่ผ่าตัดเอาแต่พยาธิสภาพออก แต่ยังเก็บตัวมดลูกและรังไข่ไว้
โรคมะเร็งคือ?
โรคมะเร็งคือ โรคซึ่งเกิดมีเซลล์ผิดปกติในร่างกาย และเซลล์เหล่านี้มีการเจริญเติบโตรวดเร็วเกินปกติ ร่างกายควบคุมไม่ได้ ดังนั้นเซลล์เหล่านี้จึงเจริญลุกลามและแพร่กระจายได้ทั่วร่างกายส่งผลให้เซลล์ปกติของเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆ เหล่านั้นล้มเหลวไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด ได้แก่ ปอด ตับ สมอง ไต กระดูก และไขกระดูก
การรักษาทางการแพทย์ปัจจุบัน
วิธีการรักษาโรคมะเร็งมีหลายวิธี ซึ่งจะกล่าวพอสังเขปเพื่อเป็นความรู้พื้นฐานเท่านั้น โดยแยกเป็นวิธีการต่างๆ ดังนี้
-
การผ่าตัด
-
รังสีรักษา
-
รังสีร่วมรักษา
-
เคมีบำบัด
-
ฮอร์โมน
-
ยารักษาตรงเป้า
-
การปลูกถ่ายไขกระดูก/สเต็มเซลล์ ในโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิด
-
การรักษาเพื่อบรรเทา/ประทังอาการ
-
การรักษาแบบประคับประคอง/พยุงอาการ/การรักษาทางอายุรกรรมทั่วไป
วิธีการรักษาอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษา ได้แก่ การรักษาด้วยความร้อน (hyperthermia) ชีวสารรักษา ยาเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านทานโรค (immunotherapy) วัคซีน และการปลูกถ่ายอวัยวะ
-
การแพทย์สนับสนุนและการแพทย์ทางเลือก
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

**เรานั้นสามารถลดผลข้างเคียงจากการรักษาเหล่านี้ได้ด้วย**
สาเหตุของการเสียชีวิต โรคมะเร็งจะมีอยู่ 3 สาเหตุคือ
1. เสียชีวิตจากสาเหตุหรืออาการที่เป็นอยู่
2. เสียชีวิตเพราะการแพ้คีโมหรือมีผลข้างเคียงจากการให้คีโมหรือแพ้จากการมีภาวะแทรกซ้อนเพราะการให้คีโมทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายทุกอย่างต่ำหมดเลย ยิ่งถ้าผู้ป่วยเป็นคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ก็ค่อนข้างมีภาวะการแทรกซ้อนได้ง่ายยิ่งขึ้น
3. สาเหตุของการเสียชีวิตเกิดขึ้นจากคำว่ารอ...รอผลเลือดก่อน รอผลเอกซเรย์ รอผลแล็บ สุดท้ายไม่มีโอกาสได้ทาน
กำจัดมะเร็ง เนื้อร้าย




คำถามที่คุณอาจสงสัย
เป็นมะเร็งระยะไหนถึงจะทานได้?
Pollital เป็นสารอาหารที่มีทั้งวิตามิน แร่ธาตุ กรดอะมิโน
รวมถึงเอ็นไซม์ ที่จำเป็นในการฟื้นฟูเซลล์ และร่างกายต้องใช้ เมื่อทานไปร่างกายจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จึงเหมาะกับทุกคนที่มีปัญหาโรคมะเร็ง และทุกระยะเพราะร่างกายต้องการสารอาหารไปฟื้นฟูเซลล์
ต้องทานนานไหมถึงจะเห็นผล?
pollital เป็นสารอาหารระดับ Micro Nutrient ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถดูซึมได้ทันทีหลังจากทานประมาณ 20 นาที และทานต่อเนื่องอาการผู้มีปัญหาสุขภาพจะเห็นผลชัดเจนประมาณ 3 สัปดาห์
ทานได้นานแค่ไหน?
ในแต่ละกระปุกจะมีด้วยกัน 50 เม็ด ทานปกติ เช้าเย็น
ก่อนอาหาร 30 นาที อย่างละ 1เม็ด จะทานได้ประมาณ 25 วัน
มีผลข้างเคียงต่อตับต่อไตไหม?
เนื่องจากเป็นสารธรรมชาติ และมีการทดสอบในห้อง Lab ก่อนนำมาจำหน่าย ว่าไม่มีการตกค้างในร่างกาย จึงทำให้ทุกท่านสามารถทานได้โดยไม่มีผลข้างเคียง
กลัวจะโดนหลอกไม่เห็นผลเหมือนที่เคยกินมา
ตัวนี้เป็นสารอาหาร ที่สามารถดูดซึมเข้ไปได้เกือบ100% และนำไปใช้ได้มากกว่า 90% จึงทำให้เมื่อทานไปแล้วร่างกายจะได้รับสารอาหารไปใช้ได้เต็มที่และฟื้นตัวได้เร็ว และเห็นผลได้ไว
การขนส่ง
มีบริการโอนเงินและเก็บปลายทาง
ส่งไว ได้ของชัวร์ 100%








กำจัดมะเร็งร้าย
ให้คุณรอดอย่างปลอดภัย
ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ
ปรึกษาปัญหาสุขภาพฟรี
091-494-2225
099-294-2423
ปรึกษาฟรี
35/30 Noble House Building ,Phayathai Road Thanon Phaya Thai, Ratchathewi District, Bangkok, CA 10400
/ Tel.099-294-2423 ,091-494-2225
